ครม.เห็นชอบปรับเงื่อนไขโครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 ขยายเพดานวงเงินกู้เป็น 1.5 ล้านบาท ขณะที่ ธอส.ขานรับนโยบายปล่อยกู้ 100% บ้านหลังแรกที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบปรับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยปรับเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จากเดิมที่กำหนดราคาซื้อขายหลักประกันต่อหน่วยและวงเงินกู้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 1,200,000 บาท ปรับเป็นไม่เกิน 1,500,000 บาท เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
โดยผลการดำเนินงานโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565 ธอส.อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน 12,007 ราย วงเงินรวม 10,281.30 ล้านบาท จากกรอบวงเงินโครงการทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท ส่วนวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวจำนวน 9,718.70 ล้านบาท ธอส.จะดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อไป
ขณะที่ นางทิพยวรรณ สมบูรณ์ ผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขานครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ร่วมกำหนดรายละเอียดโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก เท่ากับ 1.99% ต่อปีผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก (7 ปี) ให้กู้เพื่อซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียม(ห้องชุด)
ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ บ้านมือสอง (รวมถึงบ้านมือสองของ ธอส.) เพื่อปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมกับการขอกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมให้กับผู้กู้ 2 ประเภท ค่าประเมินราคาหลักประกัน และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง
โดยผู้สนใจสามารถรับรหัสเข้าร่วมโครงการทาง Mobile Application : GHB ALL ยืนคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือ ก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 ยังได้มีมติเห็นชอบให้ธนาคารปรับเพดานสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) สำหรับลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสัญญากู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 1 ที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ให้อยู่ที่ 100% ของมูลค่าหลักประกัน พร้อมให้เงินกู้เพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อประโยชน์ในการอยูอาศัยอีก 10% (รวมวงเงินให้กู้สูงสุด 110% ของมูลค่าหลักประกัน)
เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ต้องการมีบ้านและมีความต้องการวงเงินกู้เพิ่มในระดับที่สอดคล้องกับรายได้เพื่อนำไปใช้จ่ายในด้านการซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยด้วย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
สายลุยเตรียมพร้อมก่อนไป “เดินป่า” อ่านจบรู้เรื่อง