แก้วมังกร หรือ Dragon fruit ขวัญใจของสายสุขภาพ รับประทานง่าย หวานน้อยแต่อร่อยมาก เป็นผลของต้นไม้ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hylocereus undatus (Haw.) (เนื้อสีขาว เปลือกสีแดงอมชมพู) หรือ H. polyrhizus (Weber) Britt. & Rose (เนื้อสีแดงเข้มอมม่วง และเปลือกสีแดงอมชมพู) ซึ่งเป็นพืชในวงศ์กระบองเพชร (CACTACEAE) ประเทศไทยมีการปลูกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2540 ซึ่งในระยะแรกผลที่ได้มีรสชาติไม่ค่อยอร่อย แต่ในเวลาต่อมาก็ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์เพื่อให้มีรสชาติที่ดียิ่งขึ้น
แก้วมังกร เป็นผลไม้ของคนไทยไปแล้ว ปลูกมากในภาคตะวันออก กาญจนบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม ฯลฯ ก่อนหน้านี้เล่ากันว่าแก้วมังกรมาจากเวียดนาม โดยชาวฝรั่งเศสนำแก้วมังกรจากอเมริกากลางไปเวียดนามเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 จากเวียดนามก็ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ในเอเชีย
ทุกวันนี้เรากินแก้วมังกรกันตลอดปี เป็นผลไม้ที่กินได้ตลอดไม่กลัวอ้วน ไม่กลัวน้ำตาล ด้วยรสค่อนข้างจืด เมื่อเทียบกับผลไม้ไทยอีกหลายอย่าง ทำให้กินอย่างสบายใจ
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองพบว่าแก้วมังกรมีฤทธิ์ต้านจุลชีพก่อโรคหลายชนิด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเซลล์มะเร็ง ต้านการอักเสบ ลดไขมันในเลือด ต้านภาวะเบาหวาน ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และช่วยปกป้องตับจากสารพิษ สำหรับการศึกษาทางคลินิกยังมีค่อนข้างน้อย ซึ่งพบว่าการบริโภคแก้วมังกรจะทำให้ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดลดลง
แก้วมังกรให้ประโยชน์กับร่างกายมากมาย เพราะแก้วมังกรมีวิตามินหลายชนิด และมีใยอาหารที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ดีในการลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดด้วย แต่อาจต้องระมัดระวังในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โรคไต และคนมีประวัติการแพ้พืชดังกล่าว
ดังนั้นถ้าอยากสุขภาพดี ไม่ต้องรอให้ใครมาดลบันดาล เริ่มที่ตัวเรา ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งแก้วมังกรถือว่าเป็นผลไม้ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ยังไงก็อย่าลืมหาแก้วมังกรมากินสลับกับผลไม้ชนิดอื่นๆ เพื่อที่ร่างกายจะได้รับประโยชน์ดีๆ จากผลไม้ชนิดนี้ด้วยนั่นเอง แล้วก็ควรรับประทานในขนาดที่พอดี และต้องรับประทานอาหารให้หลากหลายด้วย
ศาลจ้าวพ่อตาปะขาว ปากน้ำสิชล