รักอมตะ พระอานนท์พุทธอนุชา และ นางโกกิลา ทางที่จะปลอดภัยจากรัก มีอยู่ทางเดียวคืออย่ารัก

5906
views
รักอมตะ พระอานนท์ และ นางโกกิลา

มีอยู่วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันที่ร้อนอบอ้าว พระอานนท์ได้เดินมาใกล้บ่อน้ำ และเห็นนางทาสี (ทาสรับใช้ที่เป็นผู้หญิง) กำลังตักน้ำอยู่ พระอานนท์ขอบิณฑบาตรน้ำจากนางทาสีคนนั้น

นางทีคนนั้นเห็นพระอานนท์แล้วรู้สึกชอบท่านเลย หลงรักท่านก็ว่าได้ ทีแรกนางทาสีคนนั้นก็ไม่กล้าทักน้ำให้พระอานนท์ เพราะเห็นว่าตัวเองมีวงศ์ตระกูลที่ต่ำกว่าพยายามยกเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง แต่สุดท้ายก็ตักน้ำใส่บาตรของพระอานนท์

หลังจากนั้นพระอานนท์ก็จะกลับวัดเชตวัน นางทาสีคนนั้นก็เดินตามพระอานนท์ตลอดทางกลับวัด แถมบอกกับพระอานนท์ว่า “ข้าพเจ้าไม่กลับ ข้าพเจ้ารักท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยพบใครดีเท่าพระคุณเจ้าเลย”

รักอมตะ พระอานนท์ และ นางโกกิลา

แต่พระอานนท์ก็ได้สอนนางทาสีคนนั้นว่า

“ความรักเป็นเรื่องร้ายมิใช่เรื่องดี พระศาสดาตรัสว่าความรักเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์โศก และทรมานใจ”

นางทาสีคนนั้นก็ไม่เชื่อว่า ความรักทำให้เกิดความทุกข์ตามที่พระอานนท์ว่า พระอานนท์ก็ได้ยกคำพูดหลายๆคำเพื่อสอนนางทาสีคนนั้น

“ความรักก็เหมือนการจับไฟนั่นแหละ ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผามีอยู่ทางเดียว คือ อย่าจับไฟอย่าเล่นกับไฟ ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคืออย่ารัก”

จนสุดท้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมา แล้วถามนางทาสีว่า “เธอรักอะไรในพระอานนท์”

รักอมตะ พระอานนท์ และ นางโกกิลา

นางก็ตอบว่า “รักนัตน์ตาของพระอานนท์”

พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า “นัยน์ตานั้น ประกอบขึ้นด้วยเส้นประสาทและเนื้ออ่อน ต้องหมั่นเช็ดสิ่งสกปรกในดวงตาอยู่เป็นนิตย์ มีขี้ตาไหลออกจานัตน์ตาอยู่เสมอ ครั้งแก่คงก็จักผ้าฝางขุ่นมัวไม่แจ่มใจ อย่างนี้เธอจักรักนัตย์ตาของพระอานนท์อยู่หรือ”?

ถ้าอย่างนั้น ข้ารักหูของพระอานนท์

พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า “หูนั้น ประกอบด้วยเส้นเอ็นและเนี้อ ภายในช่องหูมีของโสโครกเป็นอันมาก มีกลิ่นเหม็น ต้องแคะไค้อยู่เสมอครั้งชราลงก็หนวกจะฟังเสียงอะไรก็ไม่ถนัดหรืออาจไม่ได้ยินเลยดังนั้นแล้ว เธอยังจะรักอยู่หรือ”?

ถ้าอย่างงั้น ข้ารักจมูกของพระอานนท์

รักอมตะ พระอานนท์ และ นางโกกิลา

พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า “จมูก นั้น ประกอบขึ้นด้วยกระดูกอ่อนที่มีโพรง ภายในมีน้ำมูกและเส้นขน กับของโสโครกมีกลิ่นเหม็น เป็นก้อนๆ อย่างนี้เธอยังจะรักอยู่อีกหรือ”

คำตอบของพระสัมมสัมพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทำให้ความรักของนางต่อพระอานนท์หายไปแม้แต่นิด หลังจากนั้นนางก็ขอตัวกลับบ้าน

วันรุ่งขึ้นนางก็คิดได้ว่า ถ้าอยากจะอยู่ใกล้ชิด พระอานนท์ จะต้องบวชเป็นภิกษุณีเท่านั้น นางจึงขอลาเจ้านายไปบวช ระหว่างที่บวช นางก็ไม่สามารถเลิกรักพระอานนท์ได้ จิตใจของนางกระวนกระวายอยู่เสมอ (เหมือนอารมณ์แอบรักคนอื่น)

จนสุดท้ายนางก็ลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอานนท์ ไปเมืองโกสัมพี และคิดว่า “การอยู่ห่างอาจจะเป็นยากรักษาโรครักได้บ้าง” นางจากพระอานนท์ได้ 3 เดือน หลังจากนั้นได้ยินข่าวว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอานนท์จะแสดงธรรมที่เมืองโกสัมพี นางก็คิดว่าจะตัดใจจากพระอานนท์ได้แล้ว แต่เปล่าเลย นางยังตัดใจจากพระอานนท์ไม่ได้

ใจนางเริ่มปั่นป่วนรวนเร และรำพึงกับตัวเองว่า ความรักเป็นความเรียกร้องของหัวใจ มนุษย์เราทำอะไรลงไปเพราะเหตเพียงสองอย่างเท่านั้น คือเพราะหน้าที่อย่างหนึ่งและเพราะความเรียกร้องของหัวใจอีก อย่างหนึ่ง ประการแรกแม้จะทําสําเร็จบ้าง ไม่สําเร็จบ้าง มนุษย์ก็ไม่ค่อยจะเดือนร้อนเท่าใดนักเพราะคนส่วนมากหาได้รักหน้าที่เท่ากับความสุข ส่วนตัวไม่แต่สิ่งที่หัวใจเรียกร้องนี่ซิถ้าไม่สําเร็จ หรือไม่สามารถสนองได้หัวใจจะรํ่าร้องอยู่ตลอดเวลา มนัจะทรมานไปจนกว่าจะหมดฤทธิ์ของมันหรือมนุษย์ผู้นั้นจากไป

รักอมตะ พระอานนท์ และ นางโกกิลา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงธรรมในวันรุ่งขึ้นว่า “ไม่ควรปล่อยตนให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความรักเพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นเรื่องทรมาน และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจไม่วันใดก็วันหนึ่ง”

วันหนึ่งนางก็แกล้งป่วยแล้วไปบอกเพื่อที่เป็นภิกษุณีเหมือนกันว่า อยากจะฟังธรรมของพระอานนท์ ขอให้ไปตามพระอานนท์มาให้หน่อย เมื่อพระอานนท์มาถึง พระอานนท์ท่านรู้ว่า นางแกล้งป่วย พระอานนท์ได้สอนหลายๆเรื่องให้กับนางเพื่อให้มีสติ โดยยกข้อธรรมะที่สำคัญๆมา ตัวอย่างเช่น

นางโกกิลา

“ธรรมดาว่า ไม้จันทร์นั้น แม้จะแห้งก็ไม่ทิ้งกลิ่น
อัศวินก้าวลงสู่สงครามก็ไม่ทิ้งลีลา
อ้อยแม้เข้าสู่หีบยนต์แล้วก็ไม่ทิ้งรสหวาน
บัณฑิตแม้ประสบทุกข์ก็ไม่ทิ้งธรรม
พระศาสดาทรงย้ำว่าพึงสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาธรรม”

รักอมตะ พระอานนท์ และ นางโกกิลา

“พระศาสดาตรัสว่าบุคคลอาจอาศัย “ตัณหาละตัณหา” ได้อาจอาศัยมานะละมานะได้อาจอาศัยอาหารละอาหารได้แต่เมถนุ ธรรมน้ัน พระผู้มีพระภาคทรงสอนให้ชักสะพานเสีย คืออย่าทอดสะพานเข้าไปเพราะอาศัยละไม่ได้”

นางโกกิลาได้ฟังก็ร้องไห้ และเริ่มเข้าใจอะไรในหลายๆอย่าง จนสามารถประหารกิเลสทั้งมวลได้สำเร็จจนได้มรรคผลชั้นสูงสุดเป็นพรอรหันต์

เห็นไหม!!! ความรักทำให้คนมีความทุกข์แต่ทุกๆก็พยายามวิ่งหาความรัก เหมือนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

ที่มา – หนังสือ “พระอานนท์พุทธอนุชา”

 
ถมนคร : คุณค่าที่คู่ควร ถมนคร, thomnskhon
 
SHARE