นครศรีธรรมราช : ผู้บริหาร วอศ.นครศรีธรรมราช ประชุมเงียบ แก้ปัญหาความรุนแรง หลังพบนักศึกษาในสถาบัน ปีและห้องเดียวกันทะเลาะวิวาทขั้นใช้มีดคัตเตอร์กรีดหน้า เหตุเพราะเรื่องการเรียน ขณะผู้บาดเจ็บบอบช้ำทั้งกาย-ใจ เพราะเสียโฉม รอเยียวยาความคืบหน้า กรณีนักศึกษาสาวอาชีวะ นครศรีธรรมราช เลือดร้อน ใช้มีดคัตเตอร์กรีดใบหน้าเพื่อนเลือดอาบ ที่บริเวณหน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษา (วอศ.) นครศรีธรรมราช ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
บรรยากาศภายใน วอศ. เป็นไปอย่างสงบเงียบ ดูอึมครึม มีเพียงนักศึกษาบางส่วนนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากทราบข้อเท็จจริงถึงมูลเหตุที่ น.ส.จิ๊บ (นามสมมุติ) ลงมือก่อเหตุ เนื่องจากกระแสที่ออกมารวมถึงคำยืนยันจากอาจารย์บางรายระบุว่า ผู้ก่อเหตุ เป็นคนที่มีลักษณะนิ่งเฉย เงียบ ๆ ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร
ขณะที่ฝ่ายบริหารได้เรียกประชุมคณะอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอาจารย์ที่ปรึกษาของเด็กทั้งสอง เพื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมหาแนวทางป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดซ้ำอีก เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 ต.ค.2563 อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าว ทางวิทยาลัยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังหรือทำข่าว
ด้านกลุ่มนักศึกษาเพื่อนผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างพากันหวาดผวา จนบางคนไม่กล้ามาเรียน เพราะหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต หลังเข้าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีและผู้บาดเจ็บ กับตำรวจ เพราะ น.ส.จิ๊บ ผู้ก่อเหตุ ได้รับการประกันตัวออกมาหลังถูกสอบสวนเพียงไม่นาน โดยอาจได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลใกล้ชิดที่รู้กฎหมายเป็นอย่างดี และเชื่อว่า น.ส.จิ๊บตั้งใจลงมือทำ เนื่องจากมีการพกพามีดคัตเตอร์ติดตัวไว้พร้อมที่จะก่อเหตุ โดยได้มาดักรอ น.ส.แป้ง (นามสมมุติ) ที่หน้าวิทยาลัยฯ พอสบโอกาส จึงลงมือ
/จุดเกิดเหตุ/
สำหรับอาการล่าสุดของ น.ส.แป้ง ผู้บาดเจ็บนั้น ปลอดภัยดีแล้ว แต่ยังคงอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่ รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช หลังแพทย์เย็บบาดแผลที่ฉีกขาดบนใบหน้า ซึ่งเป็นแผลลึกฉกรรจ์ ตั้งแต่บริเวณเปลือกตาลากยาวไปจนถึงจมูกและปาก ขั้นสูญเสียความงาม ต้องได้รับการผ่าตัดทำศัลยกรรมตกแต่ง
ที่สำคัญ สภาพจิตใจของผู้บาดเจ็บค่อนข้างย่ำแย่ โดยมีญาติ ๆ และเพื่อน ๆ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมเรียกร้องให้ทางตำรวจดำเนินคดีด้วยความยุติธรรมตรงไปตรงมา รวมถึงการชดเชยเยียวยา และค่ารักษาพยาบาล อีกทั้งยังขอให้สถานศึกษาเร่งหาทางออกของปัญหาทะเลาะวิวาท และทำร้ายร่างกายในหมู่นักศึกษาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งต่อไป
