จ.นครศรีธรรมราช – เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 19 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยใต้เต็กตึ๊งสิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์กระบะ ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 127 หมู่ 6 ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถดับเพลิง อบต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช จึงรีบรุดเดินทางไปตรวจสอบและช่วยดับเพลิงในที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าเปลวไฟกำลังรุกไหม้รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก สีบรอน์ ทะเบียน บม- 3180 นครศรีธรรมราช อย่างหนัก เปลวไฟแดงฉานสลับเสียงปะทุดังเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิง แต่การฉีดน้ำค่อนข้างลำบาก เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีลมพัดกรรโชกแรงต่อเนื่อง ประกอบกับเปลวไฟลุกไหม้อย่างหนัก จนเวลาผ่านไป 30 นาที เจ้าหน้าที่จึงควบคุมเพลิงสงบ ตรวจสอบพบรถกระบะถูกไฟไหม้เสียหายวอดทั้งคัน
ตรวจสอบภายในบ้านเกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อนายเล็ก (สงวนนามสกุล ) อายุ 65 ปี เป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และเป็นผู้ก่อเหตุราดน้ำมันเผารถกระบะคันดังกล่าวอยู่ในอาการเหนื่อยหอบ เนื่องจากโรคหอบและมีอาการสำลักควัน จึงรีบเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลสิชล ให้แพทย์ตรวจร่างกายอีกครั้ง
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบแกลอนน้ำมัน ภายในมีน้ำมันเบนซินอยู่ครึ่งแกลอน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะประสาน พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ รามสวัสดิ์ ผกก.สภ.สิชล นำพนักงานสอบสวน เข้าตรวจสอบอีกครั้ง โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นนายน้อย (นามสมมุติ) บุตรชาย ผู้ก่อเหตุ ให้การว่า พ่อป่วยจิตเวชมานานแล้ว รักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้พ่อมีอาการเครียดเรื่องส่วนตัวหลายเรื่อง ซึ่งญาติ ๆ คอยปลอบประโลมให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา
“ก่อนเกิดเหตุนายเล็ก ไม่พอใจ น้อยใจลูกหลาน จึงได้สั่งให้ลูกเอารถยนต์คนดังกล่าว ซึ่งเป็นรถยนต์ของพ่อและตนนำไปใช้มาจอดไว้หน้าบ้านพร้อมประกาศว่าไม่มีใครดูแลปรนนิบัติตัวเองจะเผารถคนดังกล่าวทิ้ง ตนไม่ได้คิดว่าพ่อจะเผารถยนต์จริง จึงขับรถมาจอดไว้ตามที่พ่อสั่ง
หลังจากนั้นพ่อได้เดินออกมาจากบ้าน แล้วใช้น้ำมันเบนซินจากเครื่องตัดหญ้าราด มาเทราดลงบนหลังคารถยนต์ ก่อนจะจุดไฟเผาจนไหม้ลุกลามทั้งคันอย่างรวดเร็ว ตนพยายามจะที่เข้าไปดับไฟ แต่ไม่สำเร็จเพราะมีลมพักกรรโชกแรง ทำไฟลุกโหมอย่างรวดเร็วและรุนแรง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยดับไฟ แต่ไม่ทันการณ์ไฟลุกไม้รถยนต์เสียหายทั้งคัน ค่าเสียหายหลายแสนบาท” โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.
ศาลจ้าวพ่อตาปะขาว ปากน้ำสิชล