นครศรีธรรมราช – น้ำมันลึกลับยังทะลักเข้าหาชายฝั่งหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช อย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำอย่างรุนแรง ประมงพื้นบ้านเตรียมขยับรวมตัวจี้ภาครัฐหาคำตอบแหล่งที่มา และการแก้ปัญหา
วันนี้ (26 ก.พ.) นับเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์แล้วที่บริเวณชายหาดของ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะหาดตลอดแนว ต.เกาะเพชร และ ต.หน้าสตน อ.หัวไทร ยาวไปจนถึง อ.ระโนด และ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ยังคงมีก้อนน้ำมัน และคราบน้ำมันสีดำปริมาณมหาศาลถูกซัดเข้าฝั่งอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีหน่วยใดอ้างความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา และจัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย
ขณะที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ อ้างว่าไม่มีแหล่งขุดเจาะใดที่เกิดการรั่วไหลขึ้น ส่วนชาวบ้านยืนยันว่า ไม่มีหน่วยใดเข้ามาตรวจสอบ เว้นแต่เมื่อ 2 วันก่อนที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เข้ามาเก็บตัวอย่างน้ำ และตัวก้อนน้ำมันไปวิเคราะห์เท่านั้น แต่ก็ยังคงไม่มีคำตอบใดๆ
ส่วนสภาพชายหาด พบว่า แนวคลื่นบางจุดกลายเป็นสีดำ คลื่นซัดกองหอยนานาชนิดที่เปื้อนคราบน้ำมันมากองเป็นแนวยาวตลอดแนวหาด จนชายหาดได้กลายเป็นสีดำ บางช่วงพบสัตว์น้ำตาย และที่น่าสลดพบว่ามีแนวกองไข่หมึกที่กำลังจะฟักเป็นตัว ถูกคลื่นซัดขึ้นมาในสภาพดำคล้ำด้วยคราบน้ำมันเช่นกัน
นายอาหมัด จอนเมือง ประธานกลุ่มธนาคารปูม้าบ้านหนองมนต์ ระบุว่า การพัดพาของกระแสลม และคลื่นที่นำน้ำมันจำนวนมากเข้ามา เป็นลมที่เรียกว่า “ลมตะวันออกเฉียงใต้” ชาวประมงพื้นบ้านมั่นใจว่า จากปริมาณน้ำมันมหาศาลตลอดแนวของ อ.หัวไทร จะมาจากจุดหนึ่งที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องอยู่ห่างจากฝั่งไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร จนถึง 130 กิโลเมตร ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบดีว่าสภาพน้ำมันเช่นนี้มาจากไหน
นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมทางทะเล การทำประมงชายฝั่งของชาวประมงยิ่งเสียหาย คราบน้ำมันที่ถูกซัดผ่านอวนปู อวนปลา จนไม่สามารถทำความสะอาดได้ เสื่อมสภาพ และเสียหายไปอย่างสิ้นเชิง โดยในวันพรุ่งนี้กลุ่มแกนนำประมงพื้นบ้านจำนวนหนึ่งจะรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวให้ภาครัฐดำเนินการแก้ไขปัญหา และดำเนินการตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งที่มาของน้ำมันที่กำลังส่งผลกระทบอย่างมหาศาล
| อ่านข่าวต้นฉบับ ภาพ – @Krit_ThaiPBS
ศาลจ้าวพ่อตาปะขาว ปากน้ำสิชล