“สนธิรัตน์” ชี้การเปิดรับฟังความคิดเห็นนักเรียน นักศึกษา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างเป็นทางออกลดความขัดแย้งได้ ขณะเดียวกันออกตัวไม่ขอก้าวล่วงการตัดสินใจของนายกฯ หลัง “ลุงตู่”ยืนยันในวันปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีการปรับ ครม.
เมื่อวันที่ 1 มี.ค.63 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แถลงยื่นเสนอญัตติด่วนต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 50 ขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและมีมติให้มีการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ว่า เป็นความตั้งใจของพรรคที่จะเปิดโอกาสให้เกิดการรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อลดความขัดแย้ง และเป็นความตั้งใจที่จะรับฟังข้อขัดแย้งหรือขอเห็นต่าง ซึ่งตนคิดว่าถ้าสังคมไทยถ้ารับฟังกันให้มากขึ้น เปิดใจรับฟังกัน มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แล้วใช้ข้อเท็จจริงในการพูดคุยจะช่วยลดผลกระทบในความขัดแย้งได้ ซึ่งการยื่นเสนอญัตตินั้นมีเจตนาดีที่จะฟังข้อคิดเห็นจากหลายฝ่าย การเห็นต่าง ซึ่งการได้พูดคุยกันเป็นทางออกที่ดีของทุกความขัดแย้ง
ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องปรับครม. ช่วงนี้มีข่าวค่อนข้างเยอะ ซึ่งตนคิดว่าการปรับครม. เป็นเรื่องที่พูดกันไปเอง ซึ่งพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามนักข่าวไปแล้วหลังการปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วว่า ไม่มีการปรับครม. แต่อย่างใด ดังนั้น การปรับครม.ทั้งหมดเป็นการพูดกันไปเอง ซึ่งต้องให้เกียรตินายกรัฐมนตรี เพราะว่าท่านเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมดเอง
ต่อคำถามที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยมี ส.ส. จากพรรคอนาคต เพิ่มเข้ามา 9 คน จะทำให้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามีการคำนวณกันไปเอง เป็นการคาดเดา หรือประเมินสถานการณ์ไปเอง ซึ่งทั้งหมดยังไม่มีการพูดคุยถึงการปรับครม. ขอยืนยันว่ายังไม่มีการนำประเด็นนี้มาพูดคุยกันในการปรับครม. เป็นเพียงการคาดเดากันเองของสื่อมวลชน ทั้งหมดตนยังเชื่อว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปข้างหน้า และสามารถหาวิธีแก้ปัญหาของประเทศได้
“การที่จะเกิดอะไรขึ้นในการปรับ ครม. นายกฯ จะเป็นผู้พิจารณา และผมคิดว่าท่านนายกฯ ไม่น่าจะเอาจำนวนส.ส. ที่ย้ายเข้าพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มขึ้นมาเป็นประเด็นหลัก อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ อย่าเพิ่งไปคาดเดากันข้างหน้า ไม่ควรไปก้าวล่วงนายกฯ ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ถ้าหากจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือจะเดินหน้าอย่างไรก็รอฟังจากนายกฯ” เลขาธิการ พรรค พปชร. กล่าวทิ้งท้าย
