เศร้าใจ! ด.ญ.ลูกครึ่ง วัย 11 ขวบรอดตาย แม่ชวนปลิดชีพหนีปัญหา แต่เชือกขาด

3378
views
แม่ลูกพากันไปผูกคอ

นครศรีธรรมราช – สุดเศร้า แม่ลูกพากันไปผูกคอ แต่เชือกขาด ลูกสาว 11 ขวบ ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน รอด ส่วนแม่วัย 49 ปีเสียชีวิต พบมีปัญหาหลายอย่าง หย่าร้างกับสามี เขียน จม.สั่งเสียญาติ ช่วยไถ่ที่ที่เอาไปจำนอง ธ.ก.ส.ให้ด้วย

เวลา 12.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ร.ต.อ.ไพศาล ดำจันทร์ รองสว.(สอบสวน) สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งมีเหตุผู้หญิง 2 ราย เป็นแม่ลูกกัน ผูกคอตาย โดยผู้เป็นแม่เสียชีวิต เหตุเกิดที่ หมู่ 1 ต.บางพระ อ.ปากพนัง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก. พ.ต.ท.สุนันท์ นาคนิคาม รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.สมนึก คงวัดใหม่ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.สุจินต์ รัตนพพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ศุภวิทย์ ขุนวิช่วย สว.สส. นพ.สิริวุฒิ กิตติโพธินันท์ แพทย์เวร รพ.ปากพนัง และอาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจ รุดไปที่เกิดเหตุ

แม่ลูกพากันไปผูกคอ

พบเป็นบ้านชั้นเดียวครึ่งปูนครึ่งไม้ สภาพเก่าและค่อนข้างทรุดโทรม พบศพ น.ส.วาสนา แขกเทพ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เสียชีวิตในลักษณะร่างห้อยโตงเตงอยู่ในห้องนอน โดยมีเชือกไนลอนสีดำแขวนคอผูกโยงกับขื่อหลังคาบ้าน และใกล้กันพบเชือกแบบเดียวกันอีกเส้นผูกโยงกับขื่อ โดยเชือกเส้นที่อยู่ใกล้กันนี้ขาดครึ่งท่อน

ตรวจสอบตามร่างกายผู้ตายไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย ผู้ตายอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้าแขนกุด นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ที่เกิดเหตุไม่พบร่องการต่อสู้ แต่พบชั้นวางของแบบไม้ล้มอยู่ แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากขาดอากาศหายใจ จากสภาพศพคาดว่าเสียชีวิตมาราว 1 ชั่วโมง

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังพบ ด.ญ.วาเนสซ่า เฟอทเซ็น อายุ 11 ปี ลูกสาวของน.ส.วาสนา ซึ่งอยู่ในสภาพตื่นตระหนก และร้องไห้อยู่แทบตลอดเวลา โดย ด.ญ.วาเนสซ่า มีรอยช้ำจากรอยเชือกที่บริเวณลำคอ สอบสวนทราบว่า เพื่อนบ้านในย่านดังกล่าวได้ยินเสียงร้องของ ด.ญ.วาเนสซ่า ดังผิดปกติ จึงพากันมาดูที่บ้าน พบว่า น.ส.วาสนา เสียชีวิตในสภาพผูกคอตาย

ขณะที่ ด.ญ.วาเนสซ่า บอกว่า แม่ผูกคอหนู แล้วผูกคอแม่ แต่เชือกที่ผูกคอหนูขาด หนูจึงตกลงมา

ทางด้าน พ.ต.ท.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ปากพนัง กล่าวาว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า น.ส.วาสนา มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ปากพนัง คือบ้านที่เกิดเหตุ มีสามีเป็นชาวต่างประเทศ โดยได้ย้ายไปพักอาศัยอยู่กับสามีที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลายปีแล้ว แต่จะกลับมาที่บ้านเดิมหลังที่เกิดเหตุปีละ 3 – 4 ครั้ง และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา น.ส.วาสนา ได้พาลูกกลับมาพักที่บ้านเดิมหลังที่เกิดเหตุ และเก็บตัวอยู่ในบ้านสองคนแม่ลูก ไม่ค่อยออกมาพูดคุยพบปะกับญาติๆ และเพื่อนบ้านเหมือนครั้งก่อนๆ กระทั่งเกิดเหตุขึ้น

มีปัญหากับสามี

ในชั้นนี้ ตำรวจคาดว่า น.ส.วาสนา อาจมีปัญหาครอบครัว หรืออาจมีปัญหากับสามีชาวต่างชาติ จึงเกิดความน้อยใจ พาลูกเดินทางจากบ้านใน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กลับมาพักอยู่ที่บ้านเกิดใน อ.ปากพนัง และอาจเกิดความเครียดหรือภาวะเคร่งเครียดอย่างหนัก จึงใช้เชือกผูกคอลูกสาว และผูกคอตัวเอง หวังจะตายไปทั้งคู่ แต่เชือกที่ใช้ผูกคอลูกสาวขาด ทำให้บุตรสาวรอดตาย ส่วนตัวของ น.ส.วาสนา ได้เสียชีวิต

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มาร่วมตรวจที่เกิดเหตุ และนำศพผู้ตายส่งชันสูตรเพิ่มเติมที่ รพ.ปากพนัง รวมทั้งจะได้สอบสวนสืบสวน เพื่อหามูลเหตุ หรือสาเหตุ หรือแรงจูงใจที่แท้จริง ที่ทำให้ น.ส.วาสนา ก่อเหตุสลดขึ้นในครั้งนี้

ล่าสุด พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ปากพนัง เผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุ และตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุที่ น.ส.วาสนา ผูกคอตายอย่างละเอียด พบจดหมายลาตาย เป็นกระดาษ 2 แผ่น เขียนด้วยลายมือ

จดหมายดังกล่าวมีใจความถึงญาติพี่น้อง ที่เอาที่ดินของตนไปจำนองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ให้ไถ่ถอนที่ดินออกมาจากธนาคาร เพราะชีวิตของตนกำลังอยู่ในสภาพตกอับ ไม่สามารถไถ่ถอนที่ดินที่ญาติพี่น้องเอาไปจำนองกลับมาได้ ส่วนตนและลูกสาวขอลาตาย ไม่ขออยู่เพื่อเป็นภาระกับพ่อเฒ่า(ตา) เมื่อตนและบุตรสาวตายแล้ว ขอให้นำศพไปเผาคู่กันหรือเผาพร้อมกัน

ผกก.สภ.ปากพนัง กล่าวว่า จากการสอบสวนญาติและผู้เกี่ยวข้องจนถึงเวลานี้ ได้ข้อมูลว่า น.ส.วาสนา แต่งงานอยู่กินกับสามีชาวเยอรมัน มีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็นชาย 1 คน และ หญิง 1 คน ต่อมามีปัญหาครอบครัว จึงได้หย่าร้างกัน โดยลูกชายสามีนำไปเลี้ยงดูที่ประเทศเยอรมัน ส่วนบุตรสาว น.ส.วาสนา เป็นผู้เลี้ยงดู

ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน รอด

ตำรวจได้ทำการสอบถาม ด.ญ.วาเนสซ่า บุตรสาวในเบื้องต้น ลูกสาวของผู้ตายที่รอดชีวิตบอกว่า น.ส.วาสนา ผู้เป็นแม่ได้ชักชวนให้ลูกผูกคอตายพร้อมตน โดยบอกกับลูกว่า เราอย่าอยู่ให้เป็นภาระของญาติๆ โดยเฉพาะคุณตา ที่อายุมากแล้ว เนื่องจากคุณยายได้เสียชีวิตไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะได้ประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ มาร่วมสอบปากคำ ด.ญ.วาเนสซ่า อย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากในทางคดี ด.ญ.วาเนสซ่า จะเป็นหนึ่งในพยานสำคัญ เป็นประจักษ์พยาน ที่ต้องให้ปากคำให้การกับเจ้าหน้าที่

ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนคาดว่า สาเหตุการคิดสั้นน่าจะมาจากความเครียดเรื่องปัญหาครอบครัว รวมทั้งปัญหาด้านค่าครองชีพ หลังจากเลิกราหย่าร้างกับสามีชาวเยอรมัน ปัญหาทรัพย์สินคือที่ดิน ที่ญาติๆ เอาไปจำนองแล้วไม่ไถ่ถอนออกมา ตามที่ได้รับปากกับผู้ตายไว้

ดูข่าวต้นฉบับ

 
ถมนคร : คุณค่าที่คู่ควร ถมนคร, thomnskhon
 
SHARE